จังหวัดพังงา ถือเป็นจังหวัดแรกที่มีการนำใบยางพารามาประดิษฐ์เป็นดอกไม้ โดยในปี พ.ศ.2532คุณสาวิตรี เกษมศรี เคหกิจอำเภอตะกั่วทุ่ง ด้นำความรู้การประดิษฐ์ดอกไม้จากใบยางพารามาถ่ายทอดให้กับชาวบ้าน และได้จัดตั้งกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านเหนือ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2537ต่อมาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานชื่อเรียกดอกไม้ประดิษฐ์นี้ว่า “ศรีพังงา” สร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวพังงาจนถึงทุกวันนี้ดอกไม้ประดิษฐ์จากยางพาราเป็นดอกไม้ประดิษฐ์ที่มีความประณีตสวยงาม และ เกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ของแม่บ้านเกษตรกร จังหวัดพังงา ปัจจุบันเป็นสินค้าของที่ระลึกประจำจังหวัด หากเดินทางไปในตัวจังหวัดพังงาสามารถซื้อดอกไม้ประดิษฐ์นี้ได้ที่สำนักงานเกษตรกรผลิตภัณฑ์ดอกไม้จากใบยางพารา เช่น ทำเป็นดอกลิลลี่, อกพวงแสด,ดอกรักเร่, ดอกยิบโซ, ดอกศรีพังงา นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น ได้แก่ของชำร่วย, ที่คั่นหนังสือ, พวงกุญแจ, กิ๊บติดผม, ผีเสื้อจากใบยางพารา, ตุ๊กตา, มู่ลี่, พวกหรีด, ดอกไม้จันทน์ เป็นต้น ตลาดหลักของดอกไม้จากใบยางพารา มีที่จังหวัดภูเก็ตบางส่วนส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา,ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น ส่วนที่จังหวัดสงขลามีผู้มารับไปจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย
2.ขนมเต้าส้อ
เริ่มจากนายเชียวสูย ลิ่มสกุึลได้พาลูกชายชื่อ นายฉายเอี่ยน ลิ่มสกุล อายุ 16 ปี อพยพมาจากประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2450 โดยได้มาอาศัยอยู่ที่ บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา พร้อมทั้งมีภรรยาใหม่เป็นลูกคนจีนที่มีฝีมือทางด้านการทำขนมต่างๆ โดยเฉพาะขนมเต้าส้อที่มีนายฉายเอี่ยนบุตรชายคอยเป็นผู้ช่วยในการทำขนม ต่อมานายฉายเฉี่ยนก็ได้แต่งงานกับลูกคนจีนที่ต.บางม่วงแล้วมีลูกด้วยกัน 6 คนและเมื่อแม่เลี้ยง (ภรรยาใหม่ของนายเชียวฉุย)เสียชีวิต นายฉายเฉี่ยน ก็ได้กลายเป็นผู้สืบทอดการทำขนมเต้าส้อแต่เพียงผู้เดียว เมื่อนายฉายเฉี่ยนได้ย้ายมาอยู่ที่ต.ตลาดเหนือ ก็ได้เปิดโรงงานขนมและขยายกิจการใหญ่ขึ้นเรื่อย และมีลูกๆหลายคนเป็นผู้ช่วยทำ
ปัจจุบันนางตวงรัตน์ คชินทร์รัตน์ลูกสาวของนางหล่ำจิ้ว (บุตรของนายฉายเอี่ยน) ได้ทำหน้าที่สืบทอดเจตนารมณ์ในการทำขนมของบรรพบุรุษและได้พัฒนาขนมเต้าส้อให้มีความหลากหลายและเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
3.กะปิ
กะปิ เป็นอาหารที่คิดขึ้นโดยชาวประมง เพราะต้องการจะดองกุ้งที่จับมาได้เพื่อเก็บไว้รับประทานได้ในระยะเวลานาน ซึ่งนับเป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารพื้นบ้าน หรืออีกเหตุผลอาจมาจากชาวบ้านขายกุ้งได้ไม่หมด จึงนำมาดองเอาไว้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใด กะปิถูกจัดเป็นตำรับอาหารของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วยังกลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอาหารในทุกครัวเรือนในประเทศไทย มีกะปิมากมายหลายชนิดให้เลือกรับประทาน กะปิแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกัน ทั้งคุณภาพ วัตถุดิบ กรรมวิธีผลิต ตามแต่ละท้องถิ่นนั้น โดยส่วนใหญ่ทำจากกุ้งเคย ซึ่งมีมากในแทบชายฝั่งทะเลอันดามัน จึงทำให้ชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ชายฝั่งติดกับทะเลมีการผลิตกะปิ
กันหลายแห่ง กะปิ ทำมาจากสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง รูปร่างคล้ายกุ้ง ที่เรียกว่า "เคย" (Opossum shrimp) มีขนาดความยาว ประมาณ 1.5เซนติเมตร มีเปลือกบางและนิ่ม อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง ใกล้ผิวทะเลโดยไม่จมลงไป จะอยู่ในน้ำลึกประมาณหน้าแข้งถึงระดับหน้าอก
ตามชายทะเลและลำคลองบริเวณป่าชายเลน ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ที่สำคัญในทางโภชนาการระบุว่า
ตัวเคยให้คุณค่าทางโภชนาการสูงมีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์จึงเป็นสัตว์เศรษฐกิจซึ่งหาได้จากธรรมชาติ แล้วนำมาทำกะปิหรือกุ้งแห้งจำหน่ายสร้างรายได้แก่ชาวบ้านพังงา เป็นแหล่งผลิตกะปิจากตัวเคยหรือกุ้งฝอยที่มีชื่อเสียงอีกจังหวัดในภาคใต้ อีกทั้งยังมีการผลิตกุ้งเสียบออกไปจำหน่ายภายในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงการทำกะปิจากกุ้งเคยนับเป็นวิถีชีวิตของชาวจังหวัดพังงาเกือบทุกอำเภอ เพราะทำมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ตั้งแต่บรรพบุรุษ ปัจจุบันนี้การทำกะปิของชาวจังหวัดพังงายังคงทำสืบเนื่องต่อไป จึงถือได้ว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการปรุงอาหารประเภทต่างๆ เช่น แกงเผ็ด แกงพริก แกงส้ม แกงไตปลา แกงกะทิ และทำน้ำพริกชนิดต่างๆ สิ่งสำคัญของการทำกะปิต้องนำกุ้งเคยที่สดและสะอาดมาทำ จึงจะได้กะปิที่มีรสชาติอร่อยและมีกลิ่นหอม พังงามีแหล่งผลิตกะปิจากกุ้งฝอยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น กะปิเกาะยาว กะปิเกาะปันหยี และยังผลิตกุ้งเสียบออกไปจำหน่ายจังหวัดใกล้เคียงด้วย สามารถหาซื้อเป็นของฝากได้ที่ตลาดสดในอำเภอเมือง หรือตลาดสดในอำเภอตะกั่วทุ่ง
4.ลูกจัน/จันทน์เทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น